วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ขวัญ-เรียม ตอนที่1

ขวัญ-เรียม ตอนที่1
เสียง ขลุ่ยแผ่วผิวดังแว่วไปทั่วท้องทุ่งบางกะปิ ณ.โคนต้นไทรใหญ่กลางทุ่งกว้าง ไอ้ขวัญหนุ่มลูกทุ่งผิวคล้ำร่างใหญ่บึกบึนนั่งเอนกายพิงโคนไทรพลางเป่าขลุ่ย ฆ่าเวลา หลายวันมาแล้วในงานวัดไอ้ขวัญได้พบพบกับอีเรียม ซึ่งในอดีตพ่อของทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันแต่ต้องมาแตกคอกันชนิดไม่เผาผี เพราะพ่อของอีเรียมใช้อำนาจและอิทธิพลโกงที่นาของพ่อไอ้ขวัญแต่ไอ้ขวัญกับอี เรียมนั้นเคยวิ่งเล่นด้วยกันมา ถึงจะโดนกีดกันก็ยังมีมิตรจิตมิตรใจให้กันอยู่ในงานวัดนั้นตาทั้งสองที่สบ กันมันช่างสร้างความรู้สึกผิดแปลกให้กับไอ้ขวัญและอีเรียมยิ่งนักอีเรียมมัน พึ่งย่างเข้า 14 ไอ้ขวัญเองก็ยังไม่ถึงวัยเกณฑ์ทหาร ด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่พึ่งพานพบไอ้ขวัญหาทางติดต่อกับอีเรียมจนได้การ มันใช้ไอ้จ้อยเด็กวัดแอบไปกระซิบสั่งความให้อีเรียมแอบมาพบมันที่โคนไทรแห่ง นี้เสียค่าจ้างไปด้วยส้นตีนหนึ่งพลั่กเพราะไอ้จ้อยอิดออด แต่ที่สุดการนัดหมายก็เรียบร้อยดีอีเรียมสั่งไอ้จ้อยให้กลับมาบอกว่าจะแอบมา หามันตามนัด..... แดดบ่ายเริ่มหลบไอ้ขวัญได้ยินเสียงสวบสาบเข้ามาใกล้ มันชะโงกไปมองก็ให้ขนลุกซู่ อีเรียมนั่นเอง สาวน้อยร่างกลมกลึงผิวคล้ำลมแดดไอ้ขวัญพิศมองหน้าอกหน้าใจอีเรียมก็ต้องกลืน น้ำลายดังเอื๊อก นมแม่ช่างเต่งตึงกลมเกลี้ยงอยู่ในเสื้อคอกระเช้าตูดเล่าก็บานได้เท่ากระด้ง ฝัดข้าวกระมัง มันบานเบ่งจนดันผ้าถุงออกเห็นชัดเจน ยามอีเรียมเดินก็กระเพื่อมราวกับวุ่นกระเพื่อมอีเรียมเดินเอียงอายเข้ามา ใกล้ ก่อนทรุดกายลงนั่งแล้วเอ่ยปากถามว่าพี่ขวัญนัดฉันมามีอะไรหรือ ข้าคิดถึงเอ็งเรียมเอ๋ยนับแต่พ่อเราผิดใจกัน ข้ากับเอ็งก็ไม่ได้พบปะกันเลย เอ็งสบายดีอยู่หรืออีเรียมเงยหน้ามองไอ้ขวัญด้วยสายตาใสซื่อ ก่อนตอบด้วยเสียงใสว่า ฉันสบายดีพี่ขวัญเล่า สบายดีหรือ ฉันเองก็คิดถึงพี่ขวัญ ไอ้ขวัญยิ้มกว้างเมื่อได้ยินน้ำคำจากปากสาวน้อยว่าคิดถึงตนก่อนถามอีเรียม ถึงความหลังครั้งยังวิ่งเล่นด้วยกันว่า ข้าสบายตัวดี แต่ใจน่ะมันไม่สบายคิดถึงเอ็งเหลือเกิน ยังจำได้ไหม แต่ก่อนเราเคยเล่นด้วยกัน ตอนนี้ข้าไม่มีเพื่อนเล่นเลยขาดเอ็งไปข้าแทบขาดใจ อีเรียมสะเทิ้นอายเมื่อไอ้ขวัญท้าวความไปถึงอดีตที่เคยเล่นด้วยกันภาพนั้น เหมือนจะลอยมาอยู่ตรงหน้า..... ตอนนั้นเรียมพึ่งจะอายุย่าง12 ก่อนหน้านั้นก็มักจะเล่นขายข้าวขายแกงกับหมู่เพื่อน แต่มาวันหนึ่งเพื่อนก็หายหน้ากันไปหมดเพราะอีจันทร์มันเป็นอีสุกอีใส พ่อแม่จึงต่างเก็บลูกไว้ในบ้านไม่ให้มาเล่นด้วยกันต่างก็กลัวติดโรคเรียม นั่งหงอยอยู่คนเดียวขณะที่ผู้ใหญ่ออกทุ่งนากันหมด ไอ้ขวัญย่องมาจากบ้านมาหาเพื่อนเล่นแต่ก็เช่นเดียวกับเรียมคือหาใครไม่ได้ ทั้งสองมองตากันอย่างอายๆไอ้ขวัญไม่เคยเล่นกับเด็กผู้หญิง อีเรียมเล่าก็ไม่เคยเล่นกับเด็กผู้ชายแต่วันนี้หมดหนทางเหลือกันอยู่สองคน ไอ้ขวัญจึงชวนอีเรียมเล่นลูกหินข้างอีเรียมก็ชวนไอ้ขวัญเล่นขายข้างขายแกง ลงท้ายเลยตกลงเล่นอย่างใหม่คือจะลองเล่นผัวเล่นเมียกันดู..... มันก็เล่นไม่เป็นกันทั้งสองคนนั่นแหละอีเรียมถามไอ้ขวัญว่าผัวเมียเล่นกัน อย่างไรหรือ ไอ้ขวัญเองก็เพียงแต่เคยแอบดูทิดมั่นกับนังอิ่มเย่อกันที่โคนประดู่กลางทุ่ง ฟากขะโน้นมาหนสองหนเห็นไม่ค่อยชัดนักเพราะต้องแอบดูอยู่แต่ไกล รู้ก็แต่ว่าทิดมั่นแก้ผ้าขะม้า ข้างนังอิ่มก็ถลกผ้าถุงเมื่อเล่าให้อีเรียมฟังมันก็ดีใจหาย รีบถลกผ้าถุงขึ้นไปถึงเอว ไอ้ขวัญถึงกับตาเหลือกเมื่อเห็นอีปิ๊ของอีเรียมเข้าเต็มลูกกะตามันขาวนวลอวบ เป็นโคก ดูเหมือนมีรอยแยกตรงกลาง แต่มีเนื้อมาก่ายกันปิดสนิท อีเรียมถลกผ้าถุงเสร็จสรรพก็ถามไอ้ขวัญว่าไม่ถอดผ้าขะม้าหรือไอ้ขวัญก็ต้อง ยอมทำตามเพราะมันเองที่เป็นคนบอกวิธีการ อีเรียมเองก็ตาเบิกโพลงมองหว่างขาไอ้ขวัญกระจู๋ขนาดเหมาะกับตัวชี้โด่พุ่ง ไอ้ขวัญเองก็อายๆปกติกระจู๋มันจะโด่ในยามเช้าเยี่ยวแล้วก็หดหายไปทั้งวัน นี่มันตะวันบ่ายแล้วกระจู๋ไม่รักหน้าเจ้าของชี้โดเด่ให้ได้อาย อีเรียมตาก็มองกระจู๋เป๋งแต่ปากถามว่าแล้วเล่นอย่างไรกันต่อ ไอ้ขวัญก็บอกต้องนอนทับกันมันจึงให้อีเรียมนอนลงบนกองฟางในคอกควายที่เจ้า ของไม่อยู่ เพราะไปไถนาอยู่กลางทุ่งไกลโน่นอีเรียมลงนอนแต่โดยดี ไอ้ขวัญจึงจัดการแหกแข้งขาอีเรียมให้ถ่างกว้างอีปี๊ก็ลอยเด่น แล้วทำยังไงต่อวะ ไอ้ขวัญก็ชักงงคิดไปมือมันก็ลองยื่นไปจับอีปี๊ของเรียมเล่น พอลูบเข้าเท่านั้นเจ้าของอีปี๊ถึงกับร้อยอี๊ย์ย์ เพราะมันเสียวปล๊าบเข้าไปถึงหัวใจ ไอ้ขวัญตกใจถึงกับหดมือหนีแต่อีเรียมชักติดใจปากจึงบอกให้ไอ้ขวัญลูบใหม่ ไอ้ขวัญก็ลองซ้ำสองซ้ำสามลูบหนักมือขึ้นจนมันค้นพบว่า รอยแยกที่เห็นนั้นมันมีรู เพียงแต่แหวกกลีบเนื้อที่ก่ายกันจนปิดแน่นออกก็พอจะมองเห็นรูตีบๆตันๆสีแดง สด ที่เปียกชื้นฉ่ำด้วยน้ำอะไรไม่รู้มันเหนียวๆลื่นๆพิกล อีกทั้งเนื้ออีปี๊มันช่างละมุนละมัยมือยิ่งนัก เกิดมาไม่เคยจับเนื้อส่วนไหนแล้วรูสึกใจเต้นระรัวเช่นนี้มาก่อนขณะที่ไอ้ ขวัญลูบไปพิจารณาไปอย่างสนอกสนใจนั้น อีเรียมก็นอนครางอือๆบิดเอวไปมา นิ้วไอ้ขวัญแตะลงตรงไหนก็ให้เสียงสะท้านไปตรงนั้นยิ่งตอนไอ้ขวัญใช้สองมือ แหวะกลีบเนื้อแบะไปมา อีเรียมถึงสะดุ้งสะท้านขนลุกเกรียว นิ้วไอ้ขวัญก็เปะปะไปเรื่อยจนไปบดเบียดเม็ดละมุดอีเรียมเข้า ตอนนั้นเองที่อีเรียมถึงกับเกร็งไปทั้งตัวจนตัวงอไอ้ขวัญเห็นว่าท่าจะเป็น ของสำคัญจึงลองบดลองบี้ติ่งเนื้อนั้นใหญ่ เล่นเอาอีเรียมกัดฟันครางอือๆในคอไม่หยุดน้ำเหนียวๆก็ไหลออกมามากเข้าจนชุ่ม เปียกไปทั้งอีปิ๊ ยิ่งลูบอีเรียมกระจู๋ของไอ้ขวัญก็ยิ่งแข็งเป๊กมืออีเรียมก็ป่ายปัดมาโดนเข้า โดยบังเอิญ ไอ้ขวัญถึงกับสะท้านบ้าง มันโดนกระจู๋ตัวเองอยู่ทุกวันมีเสียวบ้างก็ยามไปถอกมันเล่น หากถอกมากๆเร็วๆก็ได้น้ำขุ่นขาวพุ่งออกมาพร้อมกับเสียวซ่านแต่มาโดนมืออี เรียมเพียงป่ายปัด มันเสียวสยองมากกว่าหลายเท่า ไอ้ขวัญจึงทิ่มกระจู๋ลงในมืออีเรียมปากก็บอกให้อีเรียมจับไว้ๆ เรียมเองก็เสียวจนหูอื้อตาลาย ไอ้ขวัญสั่งอันใดก็ทำให้ เรียมจับกระจู๋ไอ้ขวัญที่กระดกหงึกหงักไปมาคอยจะหนีมืออยู่เรื่อย เรียมคร้านที่จะลืมตามองเพราะกำลังเสียวเพลินๆจึงพยายามกำกระจู๋ไว้ให้แน่น ไอ้ขวัญก็กระเด้ามืออีเรียมด้วยสัญชาติญาณยิ่งกระเด้ายิ่งเสียว น้ำเหนียวๆไหลซึมออกมาจากปลายกระจู๋ไอ้ขวัญทำให้หัวมันเริ่มลื่นเพิ่มความ เสียวขึ้น มือไอ้ขวัญก็บี้บดเม็ดละมุดอีเรียมเอวก็กระเด้ามือเร็วขึ้นๆอีเรียมนั้น เสร็จไปก่อน เสียวสะท้ายซ่านซ่าไปทั้งกายตัวเบาหวิวสุขสมอย่างที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน มือบีบเกร็งจับกระจู๋ไอ้ขวัญไว้แน่น ข้างไอ้ขวัญก็เสียวซ่าสุดขีดยิ่งกว่าถอกกระจู่ตัวเองเล่นมากนัก มันพ่นน้ำขาวขุ่นออกมาหลายพรืด กระเด็นไปติดสีข้างอีเรียมก่อนทิ้งตัวลงนอนหอบด้วยความเหน็ดเหนื่อยที่ไม่ รู้จักมาก่อน ตะวันบ่ายมากเมื่อไอ้ขวัญรีบวิ่งกลับบ้านอีเรียมเองก็ต้องไปซักผ้าถุงกับ เสื้อที่เลอะขี้ควายปนกับน้ำกระจู๋ไอ้ขวัญ คืนนั้นทั้งไอ้ขวัญและอีเรียมต่างก็นอนคิดถึงรสชาติการเล่นผัวเมียและนึก ระทึกใจกับบ่ายวันพรุ่งที่นัดกันมาเล่นซ้ำอีก.... เช้าวันถัดมาเหมือนฟ้าถล่มเมื่อพ่ออีเรียมพาพวกมาทวงเงินกู้ที่พ่อไอ้ขวัญ เอานาไปจำนองไว้ สัญญาที่เขียนไว้กลับถูกต่อเติมจนพ่อไอ้ขวัญต้องจำนนเสียที่นาผืนใหญ่ไป เพื่อนกันเผาเรือนกันเอาดื้อๆ โกงกันอย่างเจ็บแสบ สองพ่อลูกต้องอพยพไปอยู่ยังนาผืนเล็กบนโคกกันดารพ่อไอ้ขวัญประกาศไม่เผาผี กับพ่ออีเรียม ทำให้อีเรียมกับไอ้ขวัญต้องจากกันไม่ได้พบพานตั้งแต่วันนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น